SQL (สามารถอ่านออกเสียงได้ 2 แบบ คือ “เอสคิวแอล” (SQL) หรือ “ซีเควล” (Sequel) ย่อมมาจาก Structured Query Language หรือภาษาในการสอบถามข้อมูล เป็นภาษาทางด้านฐานข้อมูล ที่สมารถสร้างและปฏิบัติการกับฐานข้อมูลแบบสัมพันธ์ (Relational Database) โดยเฉพาะ และเป็นภาษาที่มีลักษณะคลายกับภาษาอังกฤษ ภาษา SQL ถูกพัฒนาขึ้นจากแนวคิดของ Relational Calculus และ Relational Algebra เป็นหลัก ภาษา SQL เริ่มพัฒนาครั้งแรกโดย Almaden Research Center ของบริษัท IBM โดยมีชื่อเริ่มแรกว่า “ซีเควล” (Sequel) ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “เอสคิวแอล” (SQL) หลังจากนั้นภาษาSQL ได้ถูกนำมาพัฒนาโดยผู้ผลิตซอฟต์แวร์ด้านระบบจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์จนเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน โดยผู้ผลิตแต่ละรายก็พยายามที่จะพัฒนาระบบจัดการฐานข้อมูลของตนให้มีลักษณะเด่นเฉพาะขึ้นมา ทำให้รูปแบบการใช้คำสั่ง SQL มีรูปแบบที่แตกต่างกันไปบ้าง เช่น Oracle Access SQL Base ของ Sybase Ingres หรือ SQL Server ของ Microsoft เป็นต้น ดังนั้นในปี ค.ศ. 1986 ทางด้าน American National Standards Institute (ANSI) จึงได้กำหนดมาตรฐานของ SQL ขึ้น อย่างไรก็ดี โปรแกรมฐานข้อมูลที่ขายในท้องตลาด ได้ขยาย SQL ออกไปจนเกินข้อกำหนดของ ANSI โดยเพิ่มคุณสมบัติอื่น ๆ ที่คิดว่าเป็นประโยชน์เข้าไปอีก แต่โดยหลักทั่วไปแล้วก็ยังปฏิบัติตามมาตรฐานของ ANSI ในการอธิบายคำสั่งต่าง ๆ ของภาษาSQL
1. ประเภทของคำสั่งในภาษา SQL
ภาษา SQL เป็นภาษาที่ใช้งานได้ตั้งแต่ระดับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลพีซีไปจนถึงระดับเมนเฟรม ประเภทของคำสั่งในภาษา (SQL The Subdivision of SQL) แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1. ภาษาสำหรับการนิยามข้อมูล(Data Definition Language :DDL) ประกอบด้วยคำสั่งที่ใช้ในการกำหนดโครงสร้างข้อมูลว่ามีคอลัมน์อะไร แต่ละคอลัมน์เก็บข้อมูลประเภทใด รวมถึงการเพิ่มคอลัมน์การกำหนดดัชนี การกำหนดวิวหรือตารางเสมือนของผู้ใช้ เป็นต้น
2. ภาษาสำหรับการจัดการข้อมูล (Data Manipulation Language :DML) ประกอบด้วยคำสั่งที่ใช้ในการเรียกใช้ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงข้อมูล การเพิ่มหรือลบข้อมูล เป็นต้น
3. ภาษาควบคุม (Data Control Language : DCL)ประกอบด้วยคำสั่งที่ใช้ในการควบคุมการเกิดภาวะพร้อมกัน หรือการป้องกันการเกิดเหตุการณ์ที่ใช้หลายคนเรียกใช้ข้อมูลพร้อมกัน และคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมความปลอดภัยของข้อมูลด้วยการกำหนดสิทธิ์ของผู้ใช้ที่แตกต่าง เป็นต้น
2. ชนิดของข้อมูล (Data Type)
การใช้ชนิดข้อมูลได้อย่างถูกต้องในการสร้างฐานข้อมูลทำให้การจัดสรรการใช้เนื้อที่หน่วยความจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน่วยความจำนี้รวมถึงฮาร์ดดิสก์ด้วย ดังนั้น เราควรจะทำความรู้จักชนิดข้อมูลที่ใช้ในฐานข้อมูล SQL Server ก็จะมีความคล้ายคลึงกับชนิดข้อมูลของผู้ผลิตรายอื่น ๆ เพราะใช้มาตรฐาน ANSI เป็นต้นแบบในการผลิตแอพพลิเคชันฐานข้อมูล ซึ่งแบ่งเป็นชนิดของข้อมูล
ภาษา SQL เป็นภาษาที่ใช้งานได้ตั้งแต่ระดับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลพีซีไปจนถึงระดับเมนเฟรม ประเภทของคำสั่งในภาษา (SQL The Subdivision of SQL) แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1. ภาษาสำหรับการนิยามข้อมูล(Data Definition Language :DDL) ประกอบด้วยคำสั่งที่ใช้ในการกำหนดโครงสร้างข้อมูลว่ามีคอลัมน์อะไร แต่ละคอลัมน์เก็บข้อมูลประเภทใด รวมถึงการเพิ่มคอลัมน์การกำหนดดัชนี การกำหนดวิวหรือตารางเสมือนของผู้ใช้ เป็นต้น
2. ภาษาสำหรับการจัดการข้อมูล (Data Manipulation Language :DML) ประกอบด้วยคำสั่งที่ใช้ในการเรียกใช้ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงข้อมูล การเพิ่มหรือลบข้อมูล เป็นต้น
3. ภาษาควบคุม (Data Control Language : DCL)ประกอบด้วยคำสั่งที่ใช้ในการควบคุมการเกิดภาวะพร้อมกัน หรือการป้องกันการเกิดเหตุการณ์ที่ใช้หลายคนเรียกใช้ข้อมูลพร้อมกัน และคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมความปลอดภัยของข้อมูลด้วยการกำหนดสิทธิ์ของผู้ใช้ที่แตกต่าง เป็นต้น
2. ชนิดของข้อมูล (Data Type)
การใช้ชนิดข้อมูลได้อย่างถูกต้องในการสร้างฐานข้อมูลทำให้การจัดสรรการใช้เนื้อที่หน่วยความจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน่วยความจำนี้รวมถึงฮาร์ดดิสก์ด้วย ดังนั้น เราควรจะทำความรู้จักชนิดข้อมูลที่ใช้ในฐานข้อมูล SQL Server ก็จะมีความคล้ายคลึงกับชนิดข้อมูลของผู้ผลิตรายอื่น ๆ เพราะใช้มาตรฐาน ANSI เป็นต้นแบบในการผลิตแอพพลิเคชันฐานข้อมูล ซึ่งแบ่งเป็นชนิดของข้อมูล
3.การจัดการสร้าง เพิ่ม และลดขนาดของดาต้าเบส
การสร้างดาต้าเบสโดย Enterprise Manager
การสร้างดาต้าเบสโดย Enterprise Manager
- เปิด Enterprise Manager แล้วเข้าสู่ Server ที่ต้องการ
- ในกรอบด้านซ้ายให้คลิกเมาส์ปุ่มขวาที่ Database แล้วเลือก New Database จะปรากฏไดอะลอก Database Properties
- ให้พิมพ์ชื่อฐานข้อมูลลงไปในช่อง Name กำหนดขนาดของไฟล์ข้อมูล
- ระบุตำแหน่งของไฟล์ดาต้าเบสในช่อง Location หรือจะมีค่าตามดีฟอลต์ก็ได้
- กำหนดขนาดของไฟล์ข้อมูลที่ช่อง Intial Size
- ในกรอบ File Growth ถ้าเลือกออปชั่น By Percent แล้วใส่ค่า แต่ถ้าระบุเป็นขนาดที่ต้องการให้คลิกออปชั่น In Megabytes และระบุจำนวน
- ในกรอบ Maximum File Size คือ ระบุขนาดของไฟล์สูงสุดที่ขยายได้ ถ้าเลือกออปชั่น Unrestricted Filegrowth คือ ขยายจนเต็มดิสก์ หรือเลือก Restict Filegrowth คือ กำหนดขนาดของไฟล์สูงสุด
CAPJOR หน้าจอ
- คลิกแท็ป Transaction Log เพื่อกรอกข้อมูล Transaction Log
- คลิกเมาส์ที่ช่อง Intial Size เพื่อกำหนดขนาดไฟล์เริ่มต้นของ Transaction Log แล้วใส่ค่า
- คลิกเช็คบ็อกซ์ Automatically Grow File
- ที่กรอบ File Growth เลือกออปชั่น In Megabytes แล้วใส่ค่า (แสดงถึงหน่วย MB)
- ที่กรอบ Maximum File Size เลือกออปชั่น Restrict File Growth (MB) แล้วใส่ค่าเป็น 5
CAPJOR หน้าจอ
- คลิกปุ่ม OK ตัวอย่าง สร้างดาต้าเบสชื่อ First DB ให้มีขนาดของดาต้าเบสและ Transaction Log ดังนี้
- Database มี Initial Size 8 MB, File Growth 20%. Maximum File Size 25 MB
- Transaction Log มี Initial Size 2 MB, File Growth 2 MB. Maximum File Size 5 MB
PRIMARY (NAME = first_data,
FILENAME ‘c : \mssq17\data\first.mdf’ .
SIZE = 8MB,
MAXSIZE = 25 MB,
FILEGROWTH = 20%)
LOG ON
(NAME = first_log,
FILENAME = ‘c : \mssq17\data\first.ldf’,
SIZE = 2 MB,
MAXSIZE = 5 MB,
FILEGROWTH = 2 MB)
การดูรายละเอียดของดาต้าเบสโดย Enterprise Manager
- เปิด Enterprise Manager แล้วเข้าสู่ Server ที่ต้องการ
- ในการอบด้านซ้ายให้นำเมาส์ไปคลิกที่โฟลเดอร์ Database
- ในกรอบด้านซ้ายให้คลิกเมาส์เลือกชื่อดาต้าเบสที่จะดูรายละเอียด จะมีรายละเอียดแสดงที่วินโดว์ด้านขวา
Date Created คือ วันที่สร้าง
Size คือ ขนาดของดาต้าเบส
Space Available คือ เนื้อที่ที่ยังว่างอยู่
Database Options คือ ออปชั่นของดาต้าเบส
Number of Users คือ จำนวน Database User ของ Pubs
นอกจากนี้ยังบอกรายละเอียดของแบ็คอัพว่าทำเมื่อใด เช่น Database Backup Differential Backup หรือ Transaction Log Backup
- ถ้าคลิกที่แท็ป Tables & Indexes จะได้รายละเอียดของอินเด็กซ์ ขนาดของแต่ละเทเบิล
- คลิกแท็ป Space Allocated เพื่อดูขนาดของเนี้อที่ที่ใช้ และเนื้อที่ว่างสำหรับ Data File และ Log File
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น